วันอังคาร, กรกฎาคม ๐๖, ๒๕๕๓

LG LCD รุ่น 42LD650 ฟังค์ชั่นครบครัน 240Hz เล่น YouTube ได้ด้วย




LG LCD TV

42LD650


TruMotion 240Hz - เทคโนโลยี 240Hz/200Hzให้ภาพลื่นไหลและช่วยขจัดภาพเบลอ
Picture Wizard - ฟังค์ชันพิเศษที่ช่วยในการปรับภาพให้เหมาะกับสภาพห้อง
Intelligent Sensor – เซนเซอร์อัจฉริยะปรับภาพให้เหมาะกับสภาพห้อง
NetCast – เข้าอินเตอร์เน็ทชมเวปไซด์สุดฮิต 3 เวปไซด์ YouTube, Picasa, AccuWeather
Wireless AV Link – เชื่อมต่อสัญญาณเข้าทีวีด้วยกล่องพิเศษผ่านระบบ Wireless ลืมไปเลยกับสายสัญญาณที่น่ารำคาญ
Smart Energy Saving Plus – ช่วยประหยัดไฟสูงสุดถึง 76%

Brand LG
Model 42LD650
Resolution Full HD 1920 x 1080p
Contrast 80,000 : 1
Response Time 2.2 ms
HDMI Side (1) Back (2)
Refresh rate TruMotion 240Hz
Internet NetCast (Accu Weather/YouTube/Picasa)
Picture sensor Intelligent sensor
Sound system Infinite Surround

ด้านการออกแบบ
เรามาดู “ดีไซด์” ของ LG LD650 กัน ดีกว่าครับ กรอบด้านหน้าสีดำเงา Glossy Black ด้านหน้าสีดำด้าน หน้าจอเป็นแบบหน้าจอแข็ง S-IPS Panel หน้าจอด้านไม่สะท้อนสามารถตั้งในห้องดีมีแสงสว่างเข้าถึงได้เป็นอย่างดี มีขลิบสีแดงด้านข้างรอบขอบ มีไฟสแตนด์บายบอกการทำงานอยู่ตรงมุมขวาล่าง แปลกกว่ารุ่นก่อนของ LG ว่าแล้วเรามาดูดีไซด์รอบด้านของ 42LD650 ตัวนี้กันทุกเลย

ด้านภาพ



มาต่อกันที่จุดเด่นด้านภาพของ 42LD650 หน้าจอ Full HD 1920x1080 ใช้ชิพประมวลผลตัวใหม่ Dual XD Engine โดยเจ้า LD650 นี้ทาง LG มี Dynamic Contrast อยู่ที่ 80,000 : 1 (ไม่เคลมเว่อเหมือนปีที่แล้ว ค่าคอนทราสในตลาดต้องนี้ลูฟี่ว่าใช้วัดอะไรไม่ได้เลย) และ Response Time 2.2 ms ของตัวเครื่อง

โดยรวมโหมดมาตรฐานก็มีให้เลือกครบ ถ้าเป็นมือใหม่ก็ลองใช้โหมด Standard ไปก่อน แต่ถ้ารู้สึกว่ามันไม่เข้าท้าก็ลองใช้ปุ่ม AV Mode (เป็นการเปลี่ยนโหมดมาตรฐานต่างๆไปมา) บนรีโมทเปลี่ยนไปมาดูครับ ถ้ายังไม่สะใจก็มาปรับภาพ โดยใช้แผ่นบลูเรย์ DVE ตามแบบฉบับ LCDTVTHAILAND และแล้วก็ไปดูตัวเลขต่างๆ ที่ได้ออกมาเลยครับ

สัดส่วนของภาพ Aspect Ratio
LG ให้มาอย่างครบถ้วนครับ 16:9 / Just Scan / Original / 4:3 / 14:9 Zoom / Cinema Zoom1 และเป็นสูตรเดียวกับนายโรมันที่ต้องเซ็ตไว้ที่ Just Scan “เพราะว่าทีวีจะเก็บรายละเอียดทุกเม็ดพิกเซลครบหมด ไม่มี Crop นิดหน่อยแบบ 16:9 แต่อย่างใด” ถ้าดูหนังแผ่นต่างๆ แนะนำให้ปรับสัดส่วนภาพเป็น Cinema Zoom1 เพราะจะทำให้ขอบดำด้านบนและล่างลดลงค่อนข้างเยอะ โดยพื้นที่ซ้ายและขวาจะหายไปเพียงเล็กน้อย

ทดสอบกับเคลื่อนเล่น Blu-ray
Avatar Blu-ray Disc: แผ่นนี้พึ่งได้มาสดๆร้อนๆ ก็เอาลองเปิดภาพจาก 42LD650 กันเลยซึ่งภาพที่ปรากฎ ออกมาถือว่าไม่ผิดหวัง การให้สีสันดีมากสีสดดีและการให้รายละเอียดของภาพดี

ทดสอบกับ HD MEDIA PLAYER ของ DVICO
ก่อนอื่นขอทดสอบ “ความดำ” กันก่อนว่า LCD TV 2010 จะให้สีดำดีขนาดไหน โดยใช้ฉากยอดฮิตอีกครั้งกับ “พระจันทร์ในความมืด” ของ Pioneer ความดำออกมาดำดีแต่มี “Backlight รั่ว” ที่ขอบตามแบบฉบับของ LCD TV ครับเนื่องจากไม่สามารถปิดหลอดไฟทั้งหมดได้ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพลูฟี่มีโอกาสได้ไปเดินงาน Powerbuy SuperSales จึงได้ไปเช็คความดำเปรียบเทียบระหว่าง LD650 VS LH50 ซึ่งปรากฎว่าความดำของ LD650 ดีกว่าชัดเจนครับ

ทดสอบกับฟรีทีวีและ TrueVision
ก่อนอื่นลองต่อ 42LD650 เข้ากับฟรีทีวีผ่านสายอากาศธรรมดาก่อนเลยเพราะเชื่อว่ามีผู้อ่านจำนวนไม่ น้อยที่ไม่ได้ติด TrueVision (หรือคู่แข่งอย่าง DreamBox) ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าไม่ขี้ริ้วขี้เร่เลย สำหรับดูรายการต่างๆหรือละครน้ำเน่าหลังข่าว แต่ที่ผมไม่ชอบเลยก็ตอนเปิดไปดูฟุตบอลครับเวลาภาพมุมกว้างนักฟุตบอลจะตัว เล็กและขอบมันจะหนาๆเหลืองดูไม่ออกว่าเป็นใครครับ (ขอแก้ตัวแทนนิดนึงว่าเป็นทุกแบรนด์ครับโดยเฉพาะเจ้าทีวีขนาดหยายๆๆ) แล้วผมเปลี่ยนมาต่อผ่านสาย AV เข้ากับ TrueVision บ้างภาพที่ได้ดูดีขึ้นมาเลย...สรุปผมให้ความชัดของเจ้า 42LD650 สำหรับดูฟรีทีวีและ TrueVision อยู่ระดับปานกลางครับ

ทดสอบต่อคอมพิวเตอร์
โดยผมนำโน๊ตบุ๊คต่อผ่านสาย RGB เข้ากับ 42LD650 เพื่อเข้าดูเว็บ LCDTVTHAILAND ซึ่งสามารถปรับภาพได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1920 x 1080 และผมปรับ Aspect Ratio เป็น Just Scan จะได้ภาพที่เต็มจอพอดิบพอดี (สามารถปรับปุ่ม Ratio ที่รีโมทได้เลย) จากนั้นลองเปลี่ยนมาเป็นสาย HDMI เพื่อดูหนัง Full HD ตัวอย่างที่โหลดมาจาก internet ภาพที่ได้ออกมาดีเหมือนต่อจากเครื่องเล่น HD Media Player

ด้านเสียง





LG 42LD650 ให้กำลังเสียงสูงสุด 12 Watts x 2 มาพร้อมระบบเสียง Infinite Sound ให้ระบบเสียงรอบทิศทาง โดยลำโพงจะซ่อนอยู่ด้านล่าง Invisible Speaker มีโหมดเสียงอัตโนมัติมา 5 โหมด Standard / Music / Cinema / Sport / Game

อีกหนึ่งฟังก์ชันที่อยากแนะนำก็คือ ฟังก์ชั่น “Clear Voice II” ซึ่งช่วยเพิ่มเสียงที่มีความถี่สูงให้สูงขึ้น จึงทำให้เสียงสนทนาชัดขึ้น โดยฟังก์ชั่น Clear Voice II มีให้ปรับเสียงทั้งหมด 13 ระดับตั้ง -6 ถึง 0 ถึง +6 พูดง่ายๆถ้าอยากได้ยินเสียงคนพูดชัดขึ้นไม่ว่าจะเป็น “ข่าว” หรือ “หนัง” ก็ปรับ Clear Voice ให้เป็น +6 ก็จบ

ผมได้ลองทดสอบ เปิดเพลง I will alway love you ของ Charice เสียงที่ออกมาจะออกแหลม และ เสียง Base จะแห้งๆ ออกโทนตุ๊มตุม ซึ่งเราต้องแก้ไขโดยการปรับ Base เพิ่มเอาเองโดยผมปรับจาก 50 เป็น 100 เสียง Base ออกมาสะใจเลยครับ และอีกจุดหนึ่งสำหรับเพียงที่เน้นเสียงร้องให้เปิด "Clear Voice : On" (+1 ถึง +2) จะให้แหล่ม!!! เหมาะกับการฟัง (ถ้าปิด Clear Voice เสียงออกอู่ๆ หน่อยครับ)

ส่วนพิเศษ




1. NetCast: ฟังก์ชันที่ทำให้ LG LD650 สามารถเชื่อมต่อ internet เพียงต่อสาย “LAN” หรือต่อ WIFI โดยใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง USB WIFI Dongle ก็สามารถเล่น internet เว็บยอดนิยมอย่าง Youtube (วีดีโอคลิป) / Picassa (รูปภาพ) / Accuweather (พยากรณ์อากาศ) ได้ทันที

2. โหมดประหยัดพลังงาน: Smart Energy Saving Super ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้สูงสุด 76% (ตามคำโฆษณาของ LG) โดยปุ่ม Smart Energy Saving จะมีสีเขียวอยู่บนรีโมทซึ่งสามารถปรับได้ 5 Mode คือ Off / Minimum / Medium / Maximum / Screen off / Auto สำหรับ Screen off จะเป็นโหมดที่ปิดหน้าจอภาพเหลือไว้เพียงแค่เสียงเท่านั้น เหมาะสำหรับฟังข่าวหรือฟังเพลงโดยไม่ได้ต้องการดูภาพ ส่วน Auto จะเป็นฟังก์ชันที่เชื่อมโย่งกับ Intelligent Sensor โดยปรับ Backlight ตามความสว่างของห้อง

3. เกมส์ โดยทีวี LG ปี 2010 เพื่อเกมส์เข้ามาเพื่อความสนุกแก้เครียด ตัวเกมส์จะไม่สลับซับซ้อน เป็นอะไรที่ง่ายๆ มีทั้งหมด 7 เกมส์ ตั้งแต่ เกมส์กระโดดเชือก, เกมส์ตี Golf, เกมส์ความจำ, เกมส์ Sudoku, เกมส์ทำแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น

4. เมนู 12 ภาษา: เปิดเครื่องมาก็มีภาษามาให้เลือกเลย มีมากถึง 12 ภาษา อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง

ชุดสุดคุ้มชุดนี้ให้มาครบถ้วน
คุ้มที่ 1: สำหรับจอ 42” ให้ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง
คุ้มที่ 2: ภาพเคลื่อนไหวระดับเทพ TruMotion 240Hz
คุ้มที่ 3: ช่องต่อ USB 2.0 ระดับเทพ เล่นไฟล์ Hidef สุดฮิตอย่าง MKV และ tp รวมทั้งรูปภาพ และเพลง
คุ้มที่ 4: NetCast ใส่ช่องต่อ internet มาด้วย วิดีโอคลิป, รูปภาพ และ พยากรณ์อากาศ

ข้อเสีย
1. เรื่องความดำครับ...ถ้าเทียบกับ LCD TV ด้วยกันถือว่าเยี่ยม แต่พอผมเหลือบไปเห็น Full LED TV ทีไรมันดำดีจริงๆ
2. เรื่องการอ่าน SubTitle ที่ยังไม่สามารถอ่านได้เวลาต่อผ่านช่องต่อ USB

สรุป
สำหรับ LG 42LD650 ที่ผมได้ทำการรีวิวครั้งนี้ ผมขอฟันธงว่าเป็นรุ่นสุดคุ้มจริง ทั้งราคาและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ให้มามากมาย ไม่ว่าจะเป็น TruMotion 240Hz ซึ่งในราคาระดับเดียวกันไม่มีแบรนด์ไหนกล้าที่จะใส่มา NetCast ที่ สามารถเชื่อมต่อ Internet ได้ และส่วนตัวที่ชอบมากคือ USB ที่สามารถเล่นไฟล์ Hidef ได้แม้อาจจะยังเล่นไฟล์ได้ไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม สุดท้าย 42LD650 เป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับบอลโลกครั้งนี้ทีเดียงครับ...ฟัน ธง!!!

วันศุกร์, ตุลาคม ๓๐, ๒๕๕๒

Panasonic Lumix GF1 Small & Smart DSLR

ภาพที่แนบมา


Panasonic Lumix
DMC-GF1


กล้องดิจิตอลที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ที่เบาที่สุดในโลก เซ็นเซอร์ "micro 4/3" ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซลแฟลชในตัวพร้อมเลนส์ 20 มม./F1.7 สามารถถ่ายภาพวิดีโอความละเอียดสูงในฟอร์แมต AVCHD หรือ Motion JPEG ได้

ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล , Live MOS เซ็นเซอร์ คุณภาพของภาพที่เหนือกว่า ประหยัดพลังงาน
4/3-type ความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล , Live MOS เซ็นเซอร์ ในกล้องดิจิตอล LUMIX GF1 ให้ภาพคุณภาพสูงจาก CCD เซ็นเซอร์ และประหยัดพลังงานจาก CMOS เซ็นเซอร์ เซ็นเซอร์นี้ยังเป็นข้อได้เปรียบในการบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวด้วย S/N สูง ต้องขอบคุณโครงสร้างวงจรใหม่ที่ไม่ส่งผลกระทบจากการเกิด noise ซึ่งส่งผลให้ได้ภาพที่คมชัดแม้คุณถ่ายภาพด้วย ISO สูง

เลนส์ LEICA DG MACRO-ELMARIT 45มม. /F2.8 ASPH./MEGA O.I.S.
เลนส์มาโคร F2.8 45 มม. (เทียบกับกล้อง 35 มม. : 90 มม.) ที่มี MEGA O.I.S. ในตัวนี้ช่วยให้คุณถ่ายภาพโคลสอัพวัตถุที่คุณถ่ายได้ในขนาดจริง ( เทียบกับกล้อง 35 มม. : ประมาณ 2 เท่า)
mobility by serving as a medium-length telephoto lens for portraits, telephoto snapshots and landscapes.

เลนส์พกพา Pancake LUMIX G 20mm / F1.7 ASPH.
เลนส์ fixed focus F1.7/20mm (เทียบกับกล้อง 35 มม. : 40 มม.) ให้ภาพที่สว่างแต่นุ่มนวลแม้ถ่ายภาพในที่สว่างน้อย มีขนาดกะทัดรัด ง่ายต่อการพกพา
* เลนส์นี้ใช้ระบบ lens drive ทำให้มีขนาดเล็กและสว่าง F1.7 ซึ่งทำให้การบันทึกเสียงจะทำได้ต่อเมื่อออโต้โฟกัสในระหว่างถ่ายภาพเคลื่อน ไหว

Full-time Live View ให้คุณเห็นได้เห็นภาพจริงก่อนที่คุณจะถ่าย
ฟังก์ชั่น Full-time Live View ของกล้องดิจิตอล LULMIX GF1 แสดงภาพบนจอ LCD ให้เห็นว่าควรจะปรับความสว่าง, ไวท์ บาลานซ์, รูรับแสงและความเร็วชัตเตอร์อย่างไร ทำให้การถ่ายภาพสำคัญๆ ง่ายยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องถ่ายแล้วถ่ายอีก

ฟังก์ชั่น Peripherical Defocus ให้คุณทำสามารถทำภาพ Background เบลอได้ง่ายๆ
กล้องดิจิตอล LULMIX GF1 จะปรับโฟกัสโดยอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมกับจุดที่คุณจะถ่ายในขณะที่ค่อยๆ ปรับเอาท์โฟกัสของโฟร์การวน์และแบคการวน์เพื่อเน้นวัตถุนั้น

ถ่ายภาพเคลื่อนไหว HD ได้ยาวนานด้วยคุณภาพ SLR
กล้องดิจิตอล LUMIC hybird GF1 สามารถถ่ายทั้งภาพนิ่งคุณภาพสูงและภาพเคลื่อนไหวคุณภาพ HD คุณสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหว HD (1280 X 720) ในฟอร์แมต AVCHD Lite (MPEG-4/H.264) และให้เสียงคุณภาพสูงด้วย Dolby Digital Creator และคุณยังสามารถบันทึกภาพได้ยาวนานโดยหมดห่วงว่าเม็มโมรี่จะเต็มเพราะ AVCHD Lite นั้นใช้พื้นที่เก็บข้อมูลน้อยกว่า Motion JPEG ในขณะที่ภาพยังคงความคมชัดและเก็บได้ทุกรายละเอียด

ฟังก์ชั่นหลากหลายและคุณภาพภาพยอดเยี่ยม กล้อง systemที่ขนาดเล็กและเบาที่สุดในโลก*
กล้องดิจิตอล LUMIX GF1 นำมาตรฐาน Micro Four Thirds System มาใช้ ซึ่งได้พัฒนามาเป็นเวอร์ชั่นต่อเนื่องของมาตรฐาน Micro Four Thirds System สำหรับระบบกล้องดิจิตอล โดยการใช้มาตรฐานนี้และการพัฒนาตัวกล้องให้ไม่มีกล่องกระจกและช่องมองภาพออ พติคอล ทำให้เราสามารถลดทั้งขนาดและน้ำหนักเมื่อเปรียบเทียบกับกล้องดิจิตอล SLR ทั่วไป กล้องดิจิตอล LUMIX GF1 ประกอบด้วย Full-time Live View, ความเร็วสูง, high-precision Contrast AF, บันทึกภาพเคลื่อนไหวระดับ HD ฯลฯ ในขนาดเล็กพอที่จะพกพาไปได้ทุกที่ที่คุณต้องการ

แจ่มขนาดนี้ ไม่โดนไม่รู้ว่าอย่างไรแล้ว!!!!

วันพุธ, สิงหาคม ๒๖, ๒๕๕๒

HDMI Version 1.4




พึงได้ข่าวมาว่า HDMI 1.4 กำลัง พร้อมกับระบบแสดงภาพแบบ 3 มิติ โดย HDMI Version 1.4 ได้เพิ่มลูกเล่นใหม่ๆเข้าไป เพื่อกะจะให้ผู้ใช้งานลืม HDMI V. 1.3 กันไปเลย โดย ฟังก์ชั่นเด่นๆที่มีมาให้ได้แก่ การที่รองรับการแสดงภาพแบบ 3D สามมิติ ที่ให้ภาพสุดคมชัด และการเพิ่มคุณภาพของระบบเสียงที่ดีขึ้นอย่างสุดๆๆ และยังสุดเปรี้ยวตามกระแสยุค Internet Fever ด้วย Ethernet Channel สำหรับเชื่อมต่อกับระบบ network โดยทาง Silicon Image ได้ทำการประกาศไว้ว่าชิปเซต HDMI 1.4 นี้ ได้ถูกกำหนดให้ใช้บน HDTV Receiver และ เครื่องเล่น Blu-ray disc และเครื่องเล่นระดับ Hi-Def อื่นๆอีกมากมายหลายชนิด โดยที่หน่วยประมวลผล และระบบการส่งสัญญาณจะมีคุณสมบัติชั้นเยี่ยมในการส่งข้อมูล แต่ทาง Silicon Image ก็ยังไม่ได้กำหนดออกมาแน่นอนว่าจะเริ่มปล่อย HDMI 1.4 ออกมาเมื่อไหร่ จึงทำให้ต้องรอที่จะทำการทดสอบด้วยตัวเองไปอีกซักระยะ.... แต่ถ้าได้มาเมื่อไหร่ ก็จะรีบนำมารีวิวให้ดูทันทีเลยครับ....


วันพุธ, กรกฎาคม ๐๑, ๒๕๕๒

Philips Ambisound HTS8140

http://www.se-ed.com/Bof/ImageForContent/HTS8140.jpg

http://farm4.static.flickr.com/3078/2807560711_4dddb7736f.jpg?v=0

http://www.audio160.com/news/2008/image/20081111s25.jpg
คลิ้กที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่


Philips HTS8140
ชุดโฮมเธียเตอร์เทคโนโลยีใหม่ให้พลังเสียงกระหึ่มโอบล้อมคุณ
ดีไซน์ใหม่ลงตัวทุกการออกแบบ
!!!

บริษัทฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำชุดโฮมเธียเตอร์ Philips Ambisound HTS8140 สร้างเสียงรอบทิศทางแบบหลายช่องเสียงที่มีความสมบูรณ์แบบสามารถโอบล้อมรอบ ตัวผู้ฟัง จากลำโพงเสียงรอบทิศทางพร้อมลำโพงซับวูฟเฟอร์ สามารถสร้างเสียงได้ลึกล้ำเต็มทุกย่านเสียง มาพร้อมกับอุปกรณ์เชื่อมต่อกับเครื่องเล่น iPod สนองตอบไลฟ์ไตล์คนรุ่นใหม่

ชุดโฮมเธียเตอร์ HTS8140 รวบรวมเครื่องเล่นดีวีดี แอมพลิไฟร์ ลำโพง ภาครับวิทยุ และภาคแปลงสัญญาณเสียงเซอร์ราวด์อยู่ภายในแถบตัวเครื่องที่มีขนาดความหนาเพียงแค่ 5 นิ้ว และด้วยเทคนิคการวางลำโพงเล็กๆในมุมองศาต่างๆอย่างถูกต้อง ภายในแถบลำโพงตัวเครื่องและประสิทธิภาพของซับวูฟเฟอร์ ผสานเข้ากับเทคโนโลยีการประมวลผลด้านเสียงที่ให้เสียงเซอร์ราวด์ ทำให้เกิดเป็นเสียงเซอร์ราวด์แบบ 5.1 ช่องเสียงที่ทรงพลัง กระจายไปโอบล้อมรอบตัวคุณอย่างทั่วถึงไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดของห้องก็ตาม ทำให้ชุดโฮมเธียเตอร์ Philips Ambisound HTS8140 แตกต่างจากชุดโฮมเธียเตอร์เดิมๆที่ต้องใช้ลำโพงหลายตัววางรอบห้องเพื่อทำให้เกิดเสียงเซอร์ราวด์

Ambisound ที่ให้พลังเสียงเซอร์ราวด์ 5.1 จากลำโพงเพียงไม่กี่ตัว
นิยามของ Ambisound

นอกจากนี้ HTS8140 สามารถเล่นแผ่นได้หลากหลายประเภท ได้แก่ MP3, WMA, CD, DVD, Divx, JpegCD, DVD-RW, DVD+RW, SVCD มีช่องต่อแบบ USB, HDMI Composite Video, Component Video สนองตอบต่อ High Definition ด้วย upscaling 1080P, 1080i และ 720P นอกจากระบบอีควอไลเซอร์ยกระดับความถี่แล้ว วงจร DSP ก็จะตอบสนองการปรับบรรยากาศเสียงรอบทิศอัตโนมัติ เพื่อการดูหนังฟังเพลงคือ Action, Rock, Concert, Jazz, Drama, MTV, Gaming, Cartoon, Lough, Party, RnB, Sport และ news

เรียกได้เลยว่าเป็นชุดโฮมเธียเตอร์ที่ตัดความยุ่งยากในการจัดวาง สายระโยงระยาง พร้อมด้วยคุณสมบัติครบครันตามมาตรฐานชุดโฮมเธียเตอร์ทั่วไปควรจะมีด้วย เด็ดสุดก็ตรงที่มี Docking ที่รองรับ iPod/iPhone ตอบสนองความต้องการครบครันทีเดียว ยกนิ้วเลยจ้า

วันอาทิตย์, มิถุนายน ๑๔, ๒๕๕๒

เครื่องเล่นบลูเรย์แบบพกพาเครื่องแรกของโลก!








Panasonic DMP-BD15
Portable Blu-ray player
เครื่องแรกของโลก!

เมื่อ Panasonic เลื่อนกำหนดการปล่อย DMP-BD15 Portable Blu-ray player เครื่องเล่นบลูเรย์แบบพกพาเครื่องแรกของโลก! ไปเป็นเดือน มิถุนายน 09 จากกำหนดการเดิมที่ได้ประกาศไว้ในงาน E3 ว่าพวกเขาจะปล่อย DMP-BD15 ในเดือนพฤษภาคม 09 โดยนี้ถือเป็น Portable Blu-ray player เครื่องแรกของโลก! ซึ่งได้รวบรวมเทคโนโลยีและลูกเล่นต่างๆมาครบถ้วนเทียบเท่า Blu-ray player แบบ Standalone ของ Panasonic เช่นรุ่น DMP-BD60 และ DMP-BD80 standalone Blu-ray players เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋วจริงๆ

จุดเด่นของ DMP-BD15 Portable Blu-ray player ก็คือความสามารถในการพกพาหนัง Blu-ray ไปได้ทุกที่ และเรื่องของคุณภาพของจอ high quality 8.9 นิ้ว แบบ WSVGA LCD ซึ่งกว้างพอประมาณครับไม่ได้ใหญ่โตมากมายนักแต่คิดว่าน่าจะชัดเอาการ! ส่วนเรื่องของระยะเวลาแบตเตอรี่ที่ยาวประมาณ 2.5 ชั่วโมงผมว่าน้อยมาก แต่ก็น่าเพียงพอสำหรับการรับชมหนังทั่วๆไป ไม่นับใครที่กะดู Prison break ระหว่างทางกรุงเทพกลับใต้แน่นอนว่า DMP-BD15 ดับ!กลางคันแน่ครับพระเอกยังไม่ทันแหกคุก ทำเอาอยากแหกเครื่องเลยละครับ!! คิดว่าน่าจะมีการออกแบตเตอรี่เสริมมารองรับในอนาคตแน่ๆ

Richard Simone, Director, ผู้ที่ดูแลอนาคตสินค้าตัวนี้ยังบอกด้วยนะว่า “DMP-BD15 Portable Blu-ray player มีความสามารถรอบด้าน เก่งรอบตัว และจะทำให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ High-Definition แม้ว่าจะเดินทางไปไหนก็ตาม หรือ แม้แต่อยู่ที่บ้านก็สามารถเพลิดเพลินได้ไม่ว่าจะนั่งอยู่ห้องไหนก็ตามในบ้าน นอกจากนั้นยังมี VIERA CAST โดยจะทำให้ “DMP-BD15 Portable Blu-ray player แปลงร่างจาก TV เป็น IPTV ได้ *ชื่อเต็มมาจากคำว่า Internet Protocal Television เป็นบริการทีวี ผ่านอินเทอร์เน็ตแบบ มัลติมีเดีย ( Multimedia ) จึงให้บริการได้ทั้งภาพ เสียง และข้อมูล ได้พร้อมกัน”

ฟัง Spec คร่าวๆแล้วทุกท่านคงรู้สึกอยากได้ไม่ใช่เล่น ยังไงต้องขอให้เจ้า DMP-BD15 เข้ามาขายในประเทศไทยเร็วๆด้วยเถิด...คือตอนนี้ผม BlueprincE รู้สึกว่าต้องขอมาครอบครองให้จงได้ครับ

เดี๋ยวขอพลิกไปดูป้ายราคานิดนึงนะครับ ฟลิบ! อ้ากกกก!!!! ราคาประมาณ 28,000 บาท!?!? โอ วว (เสียงหล่อ) ยังไงเดี๋ยวกระผมขอกลับบ้านไปนั่งดูเครื่องเก่าก่อนนะครับ ส่วนเวลาไปเที่ยวเนี่ยจริงๆเราก็ชมธรรมชาติรอบข้างก็ได้นิ.... ถึงบ้านก็ค่อยดู Blu-ray (ปลอบใจตัวเองไปพลางๆก่อน) ทุกท่านคิดว่าถ้าราคานี้ยังแพงไปมั้ย? แสดงความคิดเห็นกันได้ครับ แล้วจะกลับมา update ข่าวคราวกันอีกครั้งนะครับ..... ฟิ้วววว!!!

"What's Your Comment?!?"

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม ๒๑, ๒๕๕๒

LG The World Thinnest LCD



The Thinnest LCD

LG LCD TV – Thinnest Ever At 5.9mm (42 and 46 inches)

LG has reportedly proven that not only OLED televisions are super-slim, by releasing a pair of new LCD screens. Both the 42 inch and 46 inch models measure 5.9mm, breaking the world record for slimmest LCD display at those sizes. Not as thin as Sony’s XEL-1 OLED televisions, at 3mm thick, but definitely much bigger, considering the XEL-1 sizes up at a pitiful 11 inches.

Weight is just as impressive. At 6.1kg and 7.3kg respectively, there aren’t many people who’ll find themselves struggling to lump the sets into their home from the car.

Don’t expect a compromise of quality or eco-friendliness, either. 120MHz prevents blurry footage, without sucking up masses of energy. Only one fly in the ointment is currently known – a lack of LED backlight. Only the edges of the screen are backlit, but LG are rumoured to be working on a full backlight, thankfully.

Nobody knows how much lighter your pockets will be after purchasing one of these. Rest assured they won’t be cheap, especially if you keep saying ‘what’s on the box’.

วันศุกร์, พฤษภาคม ๐๘, ๒๕๕๒

LED TV ซีรี่ส์ใหม่ล่าสุด จาก Samsung



คลิ้กที่รูปเพื่อดูขนาดใหญ่

New Era of Visual!!! HD Technology

หากคุณได้ติดตามข่าวสารของวงการ HDTV ในช่วงที่ผ่านมา คงจะพอทราบว่าอีกหนึ่งแนวโน้มใหม่ของ LCD TV ในปีนี้คือการออกแบบ LCD ให้มีขนาดบางลงเรื่อยๆ เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตที่มีวุฒิภาวะสูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตสามารถนำเทคโนโลยีอื่นๆ มาบรรจุลงในผลิตภัณฑ์ เพื่อปรับปรุงการแสดงภาพของ LCD ให้ดียิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยลดต้นทุนการผลิต และมีผลพลอยได้คือช่วยทำให้จอ LCD ใช้พลังงานน้อยลงอีกด้วย

จากที่เราได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ว่า Samsung ได้เริ่มวางจำหน่ายจอ LCD TV ที่ใช้เทคนิคการยิงแสงจากขอบของจอ (Edge-lit) แทนการยิงแสงจากด้านหลัง (back-lit) เหมือนกับจอ LCD ทั่วไป และทำตลาดโดยใช้ชื่อ LED TV ซึ่งอาจก่อให้เกิดความสับสนในหมู่ผู้บริโภคพอสมควร ผมเองเมื่อเห็นหุ่นบางๆ และป้ายโฆษณาว่าเป็น LED TV ในครั้งแรกยังเกือบเชื่อว่าเป็น LED Panel จริงๆ เสียอีกครับ

การใช้หลอด LED แทนการใช้หลอด CCFL (Cold Cathode) ในการยิงแสงสว่างให้กับผลึก LCD นั้นมีผลดีดังนี้:-

1. 1. ช่วยเพิ่ม contrast ให้กับภาพที่แสดงบน panel ซึ่งทำให้มันแสดงรายละเอียดต่างๆ ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในฉากที่มีภาพมืดๆ หรือฉากที่มีความสว่างของวัตถุที่อยู่ในภาพหลายๆ ระดับ (เช่นภาพหิมะในเวลากลางคืน) หรืออาจกล่าวโดยสรุปว่า แสงที่ยิงจากหลอด LED จะช่วยทำให้จอ LCD สามารถแสดงภาพที่ดูมีมิติมากขึ้นนั่นเอง

2. 2. ช่วยให้ LCD Panel สามารถแสดงสีสันที่มากขึ้น (wider color gamut) ซึ่งทำให้ภาพที่ได้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

3. 3. ทำให้ผู้ผลิตสามารถผลิตจอที่มีมีขนาดบางลง และปล่อยความร้อนน้อยลงในขณะที่จอทำงาน

4. 4. ช่วยลดต้นทุนในการผลิต และช่วยประหยัดพลังงาน สอดคล้องกับกระแสรักษ์โลกในปัจจุบัน

ความจริงแล้ว Edge-lit-LED LCDTV ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ในวงการ LCD แต่อย่างใด เพราะจอ laptop computer ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่ก็ใช้เทคนิคการยิงแสงไฟจากขอบทั้งสี่ด้าน ของจอเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรค (หรือความท้าทาย) ต่อการผลิตจอ LCD ที่ใช้เทคนิคการยิงแสงจากด้านข้างคือการทำให้แสงสว่างเท่ากันทั้งจอ แต่เทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบันก็สูงพอที่จะทำให้อุปสรรคเหล่านั้นกลายเป็น เรื่องในอดีตไปเสียแล้ว

Samsung ทำตลาด “LED TV” โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 ซีรี่ส์ด้วยกัน ได้แก่ ซีรี่ส์ 6000, 7000 และ 8000 และมีขนาดให้เลือกอยู่สามขนาดคือขนาด 40 นิ้ว, 46 นิ้ว และ 55 นิ้ว ตามลำดับ ทั้งสาม series ใช้จอเคลือบเงาที่เรียกว่า Ultra Clear Panel (หรือที่คนขายในบ้านเรามักเรียกว่า “จอกระจก”) โดย series 8000 ใช้ Panel ที่มี response time ที่ 2 ms ในขณะที่รุ่น 6000 และ 7000 มี response time ที่ 4 ms ส่วนสเป็กด้านอื่นๆ ทั้งในแง่ความสว่าง, contrast และอื่นๆ ทั้งสาม series จะไม่มีความแตกต่างกัน ยกเว้นใน series 8000 ที่ใช้เทคโนโลยีการแทรกเฟรมแบบ 200 Hz (200 Hz Motion plus) แทนการใช้เทคโนโลยีแบบ 100 Hz ใน series 6000 และ 7000

นอกจากนั้นใน series 7000 และ 8000 ยังสนับสนุนการเชื่อมต่อกับ network/internet และยังสนับสนุนการเล่นไฟล์มีเดีย (ภาพนิ่ง, เสียง และวีดีโอ) ผ่านโปรโตคอล DLNA อีกด้วย พูดง่ายๆ คือ หากคุณไม่มีแผนที่จะเอาทีวีของคุณไปต่อกับ network และไม่สนใจเรื่อง 200 Hz motion plus กับ response time ที่ต่างกันเพียง 2 ms ล่ะก็ คุณสามารถซื้อ 6000 series และประหยัดงบประมาณไปได้โขทีเดียวครับ

สำหรับสเป็กโดยละเอียดสามารถศึกษาได้จากตารางด้านล่างครับ

ขนาด: 40, 46 และ 55 นิ้ว
ความละเอียด: 1920 x 1080 (Full HD)
Dynamic Contrast Ratio: Mega Contrast (3,000,000:1)
Speaker Type: Down Firing
Sound Effect System: SRS Trusurround HD & Dolby Digital Plus
Woofer: Yes
Sound Output (RMS): 10 watts x 2
Internet@TV: Yes (series 7000 and 8000)
DLNA Wireless: Yes (Support) (series 7000 and 8000)
Content Library (Flash): Yes (2G)
USB2.0: Yes (USB 2.0 Movie)
BD Wise: Yes
Wireless LAN Adaptor Support: Yes
HDMI: 4
Digital Audio (Optical): 1

แกะกล่อง
ภายในกล่อง LED LCDTV รุ่น UA46B6000VR ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. 1. LED LCDTV รุ่น UA46B6000VR
2. 2. รีโมทคอนโทรล พร้อมถ่านขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน
3. 3. ฐานรองจอสำหรับตั้งโต๊ะ
4. 4. อุปกรณ์สำหรับพันสายสัญญาณให้เป็นระเบียบเรียบร้อย


ดีไซน์
ความประทับใจแรกพบเมื่อแกะกล่องก็คือ ขนาดของ Panel ที่มีความบางกว่า LCD TV ทั่วไปในปัจจุบันมาก โดยมีความหนาประมาณ 3 เซนติเมตรเท่านั้น แผงควบคุมด้านหน้าประกอบไปด้วยปุ่ม Power ที่ใช้เปิด/ปิดทีวี โดยปุ่มดังกล่าวจะอยู่ตรงกลางจอ ภายใต้โลโก้ Samsung พอดี เมื่อสัมผัสปุ่มเพื่อเปิดทีวีแล้ว ขณะที่ทีวีทำงานจะมีแสงสีขาวเรืองอยู่ภายใต้จอสวยงามทีเดียวครับ และหากใครที่ไม่ชอบก็สามารถสั่งปิดแสงดังกล่าวได้จากเมนู ส่วนด้านขวาของจอประกอบไปด้วยปุ่มควบคุมต่างๆ ได้แก่ ปุ่มเปิดเมนู ปุ่มเปลี่ยนช่อง และปุ่มปรับระดับเสียง

เมื่อมองที่ด้านหลังของจอ จะพบลำโพงสองข้างแบบสเตอริโอ และพอร์ทต่างๆ ดังนี้
- Component 1 ช่อง
- VGA 1 ช่อง
- Composite (AV) 1 ช่อง
- HDMI 4 ช่อง
- Audio in เป็นพอร์ทแบบ 3.5 มม. จำนวน 1 ช่อง ใช้ต่อเสียงเข้าไปยังจอในกรณีต่อกับอุปกรณ์ภายนอกผ่านช่อง VGA
- RF In 1 ช่อง
- Audio out เป็นพอร์ทแบบ 3.5 มม. จำนวน 1 ช่อง
- USB Port สำหรับต่ออุปกรณ์ต่างๆ ที่เข้ากันได้กับมาตรฐาน USB mass storage class เช่น USB key หรือ Harddisk แบบ USB
- Ext. Link สำหรับต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่เข้ากันได้จาก Samsung

สำหรับช่องต่อ HDMI ที่มากับจอรุ่นนี้ Samsung ให้มาถึง 4 ช่องด้วยกัน ซึ่งเป็นมาตรฐานของ LCD TV จาก Samsung อยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป

ในแง่วัสดุและงานประกอบถือว่า Samsung ออกแบบและประกอบทีวีรุ่นนี้ได้สวยงามมากจริงๆ นอกจากความบางที่สะดุดตาแล้ว ดีไซน์แบบ Crystal ของ Samsung ยังดูหรูหรา สามารถเอามาตกแต่งเสมือนเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกชิ้นในบ้านของคุณได้เลยครับ แต่ด้วยความที่มันใสปิ๊งเป็นมันวาวนั่นเอง ทำให้มันต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะกรอบของ Panel นั้นมีคุณสมบัติเป็นเครื่องดูดฝุ่นชั้นดี และหน้าจอแบบเคลือบเงาอาจทำให้คุณต้องเลือกตำแหน่งการวางจออยู่พอสมควร เพราะเงาที่สะท้อนอยู่บนหน้าจออาจทำให้อรรถรสการรับชมภาพพยนตร์ของคุณเสียไป ได้ครับ

รีโมทคอนโทรลของรุ่นนี้เป็น Infrared remote แบบมาตรฐานของจอ Samsung ขนาดกำลังพอดีมือ ใช้พลังงานจากถ่านไฟฉายขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน สามารถกดปุ่มเพื่อเปิด/ปิด backlight ของตัวรีโมทได้ด้วย นับว่าสะดวกสำหรับคนที่ชอบดูหนังในห้องมืดครับ

วันอังคาร, เมษายน ๒๘, ๒๕๕๒

LUMIX DMC-FS7 Your Colourful Camera


Panasonic LUMIX DMC-FS7
กล้องล้ำๆ กับโหมดอัจฉริยะ iA โดนๆ


กล้องคอมแพคความละเอียด 10.1 ล้านพิกเซล เลนส์ออพติคอลซูม 4 เท่า Leica DC Vario-Elmarit ความยาว 33-132 มม. มีขนาดรูรับแสงกว้างถึง f/2.8 พร้อมโหมดถ่ายภาพอัจฉริยะ iA

โหมดอัจฉริยะ iA ประกอบด้วย 4 ฟังก์ชั่นที่ทำงานโดยอัตโนมัติ MEGA O.I.S.ป้องกันภาพเบลอจากการสั่นไหวของมือ, Intelligent ISO Control ป้องกันภาพเบลอจากการเคลื่อนไหวของวัตถุ, Face Detection AF/AE ระบบตรวจจับใบหน้าและขจัดปัญหาภาพตาแดง, Intelligent Scene Selector เลือกโหมดที่ดีที่สุดตามสภาวะแวดล้อม

เด็ดสุด! มาพร้อมกับแบตเตอรี่ของกล้องสามารถใช้งานได้ยาวนาน คุณไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างการถ่ายภาพ เพราะแบตเตอรี่ของกล้องสามารถใช้ถ่ายภาพได้ถึง 360 ภาพ ทำให้คุณถ่ายภาพได้ทั้งวันอย่างหมดห่วง

ถ่ายอย่างมั่นใจ ด้วยหน้าจอ LCD ขนาด 2.7 นิ้วของกล้องให้ความละเอียด 230,000 พิกเซล ทำให้สามารถรับชมภาพได้อย่างคมชัด หน้าจอ LCD จะปรับเพิ่มความสว่างโดยอัตโนมัติได้ถึง 11 ระดับตามความสว่างของสภาพแวดล้อม ซึ่งความสว่างเท่ากับประมาณ 1.4 เท่าของจอ LCD ปกติ

หน่วยประมวลผล
เซนเซอร์รับภาพ: CCD 1/2.5
ความละเอียดใช้งาน: 10.1 ล้านพิกเซล
ความละเอียดเซนเซอร์โปรเซสเซอร์: 10.4 ล้านพิกเซล

เลนส์
ความยาวโฟกัส: 33 - 132 มม.
รูรับแสง: F2.8 - F5.9
ออพติคอลซูม: 4 เท่า
ดิจิตอลซูม: 4 เท่า
มาโคร: Wide 5cm

ช่องมองภาพและ LCD
ขนาดจอ LCD: 2.7 นิ้ว
ความละเอียดจอ: 230,000 พิกเซล
การปรับตำแหน่งจอ: มี

ระบบเกี่ยวกับแสง
ระบบวัดแสง: Intelligent Multiple
ระบบชดเชยแสง: -2 to +2 EV in 1/3 EV steps
ความไวแสง (ISO): Auto, 80, 100, 200, 400, 800, 1600 (1600-6400 with boost)
สมดุลแสงสีขาว (WB)5 positions plus manual

ภาพเคลื่อนไหว: บันทึกภาพนิ่งด้วยความละเอียดแบบ High Definition เพื่อเปิดชมภาพจากโทรทัศน์ระบบ HDTV

ไฟล์และการเชื่อมต่อ
ไฟล์ภาพนิ่ง: JPEG (EXIF 2.21)
ไฟล์ภาพเคลื่อนไหว: Yes, 848 x 480, 30 fps, 640 x 480, 30 fps, 320 x 240, 30 fps
เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์: USB 2.0 High Speed
เชื่อมต่อทีวี: A/V output (PAL/NTSC switchable)

ชนิดแบตเตอรี่: ID-Security Li-ion Battery Pack
กว้าง สูง ลึก: 97 x 54 x 22 mm
น้ำหนักตัวกล้อง: 139 g
เมนูภาษาไทย: มี

สนใจสอบถามราคาพิเศษติดต่อ โก๋

Tel. 089-996-4309
E-mail: koh_8910@hotmail.com

วันศุกร์, มีนาคม ๒๐, ๒๕๕๒

Stream Iron Philips GC3300




Philips Steam Iron GC3330
รีดผ้ารวดเร็ว ไม่เปลืองแรง

เตารีดไอน้ำฟิลิปส์ เพิ่มความสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยแท้งค์น้ำที่พัฒนาให้มีขนาดใหญ่ สายไฟยาวเป็นพิเศษและขีดแสดงระดับน้ำชัดเจน นอกจากนี้ยังมาพร้อมแผ่นความร้อน SteamGlide ที่สามารถรีดผ้าเรียบลื่นได้อย่างรวดเร็ว

คุณสมบัติ
- กำลังไฟ 2200 วัตต์ ร้อนเร็วพร้อมใช้งานทุกเมื่อตามต้องการ
- แรงดันไฟ 220-240 โวลท์ ความถี่ 50-60 เฮิร์ตซ์
- ผลิตไอน้ำต่อเนื่องมากถึง 35 กรัม/นาที
- พลังไอน้ำเพิ่มพิเศษ 90 กรัม/นาที ช่วยให้รีดผ้าที่รีดยากหรือมีรอยยับมากได้อย่างง่ายดาย
- แท้งค์น้ำขนาดใหญ่จุ 300 มิลลิลิตร สามารถเติมน้ำได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่ทำให้น้ำกระเซ็น
- สายไฟยาวเป็นพิเศษถึง 3 เมตร ช่วยให้คุณรีดผ้าได้ไกลยิ่งขึ้นจนสุดขอบโต๊ะรีดผ้า
- ขีดแสดงระดับน้ำชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้คุณสามารถมองเห็นปริมาณน้ำที่มีเพียงพอต่อการรีดผ้าได้
- แผ่นความร้อน SteamGlide ใหม่ รีดผ้าเรียบอย่างมีประสิทธิภาพ
- พลังไอน้ำรีดในแนวตั้ง สามารถรีดผ้าบนไม้แขวนได้สะดวก
- สเปรย์สามารถพ่นละอองน้ำเป็นฝอยละเอียดกระจายได้อย่างทั่วถึง ทำให้รีดผ้าที่ยับมากหรือยับเฉพาะจุดได้เรียบอย่างรวดเร็ว
- เพิ่มอายุการใช้งานของเครื่องให้ยาวนานยิ่งขึ้นด้วยระบบป้องกันการสะสมของตะกรัน 2 ชั้น (Double Active Calc System)



สนใจสอบถามราคาพิเศษติดต่อ โก๋

Tel. 089-996-4309

E-mail: koh_8910@hotmail.com

วันอังคาร, มีนาคม ๐๓, ๒๕๕๒

Panasonic TH-42PV80 The Durable Plasma




Panasonic TH-42PV80
Plasma TV 100,000 hours of display time

42” High-Definition Plasma TV with SD Card and HDMI inputs (including VIERA Link single remote capability), delivering higher contrast through ambient light sensing.

Plasma screens deliver extraordinarily sharp, crisp and vivid images, thanks partly to their high native contrast – meaning blacks are truly black, and colours are naturally bright. The larger the screen, the clearer the difference – so if you’re looking to really enjoy the feeling that Plasma contrast delivers, the 42” TH-42PV80 is a great place to start.

Basing its output on the kind of deep, rich Plasma blacks that underpin any scene, the TH-42PV80 continues right up through the most vibrant colours to deliver the full range of emotion in any piece of action – from high-speed sport to high drama. Panasonic’s combined V-real 3 Technology works to ensure picture quality is as good as possible; and with 24p Playback smoothing film motion, you’ll get the finest detail rendered in stunning clarity right across the 1024x768 pixel screen. You can even enjoy that depth of imagery in all sorts of lighting conditions, with built-in ambient light sensing allowing the TH-42PV80 to alter colour output without affecting colour balance.

The beauty of VIERA is enhanced by VIERA Link, which gives you the ability to use just one remote to control almost any peripheral connected via HDMI – helping you take in every nuance without distraction. There’s even a built-in SD Card slot to make family photo viewing quick and simple, and PC Input for gaming, internet or business presentations depending on your needs.

The TH-42PV80 is a great place to start seeing the VIERA Plasma difference – and with over 100,000 hours of display time, it’s a great place to keep enjoying the difference for a long time yet.


"What's Your Comment?!?"

วันจันทร์, กุมภาพันธ์ ๐๒, ๒๕๕๒

Olympus E-520 Slim DSLR




Click on image for bigger

Olympus E-520
Midrange DSLR Easy and Slim!

Olympus has finally announced the previously leaked E-520, an update to its well-regarded E-510. Like the entry-level E-420, the E-510 is really a minor update to its predecessor. Not surprisingly, updates include most of the new features the E-420 added over the E-410, such as a bigger and better 2.7-inch LCD, Auto-focus in Live View mode, wireless flash capability, and new face-detection technology and Shadow Adjustment technology. Additionally, Olympus has bumped continuous shooting speed up to 3.5 frames per second. As with the E-420, the Perfect Shot Preview mode lets you view and select white balance and exposure compensation effects right on the LCD, so you can see what the image will look like before you shoot.

Olympus has also improved the sensor-shift stabilization (which the E-420 doesn’t include), with special modes for horizontal and vertical panning. The 10 megapixel camera will be available in July for an estimated street price of $599.99 (body-only) or $699.99 bundled with a 14- to 42mm (28- to 84mm equivalent) f/3.5-5.6 Zuiko lens. Olympus also announced a new compact super-wide-angle zoom lens–9- to 18mm (18- to 36mm equivalent) f/4.0-5.6–that measures only 3-inches long and weighs 9.88 ounces. The lens will be available in the fall of 2008 for a whopping $599.99.



"What's Your Comment?!?"

วันเสาร์, มกราคม ๐๓, ๒๕๕๒

JVC LT-47X899 wow LCD!


LT-42X899

The Best LCD From JVC

JVC packed the LT-47X899 with all the technological wrinkles it could assemble. Its image processors upsample today’s 8-bit sources to 12 bits (although the LCD panel itself is limited to 10 bits). It can also handle Deep Color (if and when we get Deep Color program material). It also does x.v.Color, although this format is currently limited to the few HD camcorders that can record it. In addition to the usual inputs (including three HDMI 1.3 and two component), the set also includes a USB Photo Viewer. You can use this to show your friends the JPEG photos you took last summer.

JVC provides five selectable Video Status modes in the Picture Adjust menu. (Video Status is JVC’s name for its preset, user-adjustable picture modes.) You can adjust the basic video controls separately for each Video Status mode, but not for all of the advanced adjustments. In turn, you can set each mode differently for SD (480i/p) and HD (720p, 1080i/p) sources. However, you can’t configure a given Video Status mode differently for each input.

Snapshot
An all-new onscreen menu design
and solid 120-Hz processing distinguish JVC’s new LCD set

Plus
• Crisp high-def picture detail
• Excellent screen uniformity and viewing angle for an LCD
• Transparent 120-Hz upconversion

Minus
• Overly rich out-of-box color (even in Theater mode)
• Can’t separately adjust Video Status presets for each input

Key Features
• 120-Hz display
• TV Guide On Screen program guide
• HDMI 1.3 connections with xvYCC support
• 1080p/24 input-capable
•Inputs: (3) HDMI, (2) component-, (3) composite-, and (1) S-video; RF
Ant/Cable; RGB PC, USB, and RS-232C
• 44 1/4 x 28 5/8 x 5 1/8 in, 75 lb (with stand)



"What's Your Comment?!?"

วันศุกร์, ธันวาคม ๑๒, ๒๕๕๑

MacBook Pro 2008 WOW!






* Click image for bigger.

MacBook Pro 2008

The Last and The Best

On Tuesday, Apple introduced a new 15.4 inch MacBook Pro with advanced fabrication techniques, option to select an NVIDIA 9400M or 9600 GT graphics, Core 2 Duo at 2.4, 2.53 or 2.8 GHz, a next generation glass trackpad, an SSD option and much more.

Steve Jobs first brought Jonathan Ive to talk about a new manufacturing process that leads to a thinner, stronger aluminum frame. Apple starts with a 2.5 pound piece of aluminum and cuts away what's not needed to end up with "a remarkably precise part," he said, weighting just one quarter pound. The rest of the material is recycled. While lasers were mentioned for hole cutting, there was no explicit mention of a high pressure water cutting technique, but Mr. Ive was vague on those details.

Then Mr. Jobs returned to the stage to introduce the new MacBook Pro In typical fashion, Mr. Jobs started with some of the details, and built up the excitement before revealing the whole computer.

Highlights of the new 15.4 inch MacBook Pro include:

* Base model: 15.4 in glass display like iMac, 2.4 GHz Intel Core 2 Duo, 2 GB of 1066 MHz DDR 3 memory, 250 GB hard disk, slot-loading superdrive, US$1999.
* Higher end model: 2.53 GHz C2D, twice the L2 cache (6 MB), larger hard disk (320 GB), US$2499.
* Unibody construction, saves half the parts, 0.95 inch thick.
* LED backlighting (not new for this model).
* 802.11n, Bluetooth 2.1, mini DisplayPort, FireWire 800 only.

* Full accessibility to battery and drives. SSD option.
* NVIDIA 9400M graphics with 16 cores, 54 gigaflops plus (user selectable).
* NVIDIA 9600 GT graphics with 32 cores, 120 gigaflops.
* External battery indicator LEDs
* 5.5 pounds
* 128 GB SSD option adds US$600.00
* Either model can be ordered with 2.8 GHz CPU.

Mr. Jobs predicted 4 hours of battery life with the NVIDIA 9600 GT graphics card or 5 hours with the 9400M. TMO will provide updates as more details become available.

This model is expected to be available immediately.

For a comparison of how the MacBook Pro compares to the MacBook and MacBook Air, Apple has posted a page, "Which MacBook Are You?"


"What's Your Comment?!?"

วันจันทร์, ธันวาคม ๐๑, ๒๕๕๑

Toshiba NB 100 first netbook!


Toshiba NB 100
The First Netbook From Toshiba!

Toshiba have long been experts at creating full sized laptops. Now they have adapted this skill to create their very first Netbook. The Toshiba Satellite NB100 netbook will first hit the UK and European market. With a great design, matching their larger more expensive laptops, the Toshiba NB100 looks great, and has impressive features to match.

Weighing less than 1KG and featuring a large 8.9-inch LCD screen, which a 1024 x 600 pixel resolution and LED backlight for even longer battery life and improved screen quality.

Key Features


- 1.6GHz Intel Atom CPU
- 1GB RAM
- Windows XP Home / Ubuntu Linux
- 8.9in LCD 1024 x 600
- LED Backlight
- SD Reader
- 120GB hard drive
- 802.11b/g WiFi
- 10/100 Ethernet
- 3x USB
- 0.3MP webcam
- < style="FONT-WEIGHT: bold; COLOR: rgb(51,51,255); FONT-STYLE: italic">Reviews

Toshiba has chosen to focus on the 8.9 inch form factor, as opposed to the 10 inch one utilised by the MSI Wind. This makes the NB100 very portable and Toshiba rather handily had a weighing scale on hand, which revealed the netbook weighed just 1.037kg - not quite under 1kg but more than light enough. If you want a no frills netbook at a no frills price, the Toshiba Satellite NB100 could be a very good option.
Source: TrustedReviews

While Toshiba has stepped into the busy netbook market late, the NB100 is an impressive addition. Users of Toshiba laptops will feel right at home with the machine. Toshiba NB100 will be an ideal first computer for kids and a competent second computer for on-the-go types. Prices for the NB100 are as follows: the Linux model is ?259; the XP version is available with 1GB of RAM for ?299.
Source: TechRadar


"What's Your Comment?!?"

วันจันทร์, พฤศจิกายน ๑๗, ๒๕๕๑

Star Wars: The Clone Wars ( 2008 )

You can true size by click on picture.

Star Wars: The Clone Wars ( 2008 )

ชื่อไทย: สตาร์ วอร์ส สงครามโคลน
ผู้กำกับ: เดฟ ฟิลอนี่ (กำกับ การแสดง)

ผู้แต่ง: เฮนรี่ กิลรอย, จอร์จ ลูคัส

วันเข้าฉาย: 02/10/2008

ประเภท: Action, Animation, Sci-Fi

ความยาว: 98 นาที

เรท: เรท PG


คงมีแฟนหนังไซไฟไม่มากนัก ที่ชอบหนังแนวนี้แล้วไม่ชอบงานมหากาพย์อย่าง Star Wars เราคงไม่ต้องสาธยายแล้วว่า หนังเรื่องนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ในทางหนึ่งมีคนชมมากมาย แต่ในมุมหนึ่ง ก็ถูกคนด่าเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นี่คือหนังเรื่องแรกๆ ของโลกที่สร้างความสำเร็จทางการตลาดแบบ "มหาศาล" ขยายสินค้าขายตรงขายอ้อมกันไม่จบสิ้น เพราะมีความนิยมของคนดูรุ่นต่อรุ่นรองรับอยู่ ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะ "การขายต่อ" ของหนังที่โด่งดัง เป็นเรื่องปกติของการตลาดยุคใหม่ที่มีมานานแล้ว


พอไม่รู้สึกอะไร ก็ไม่รู้สึกกับ Star Wars : The Clone Wars หรือ "สงครามโคลน" ที่เข้าฉายในสุดสัปดาห์นี้ ผมคิดว่า Star Wars จบไปแล้วใน 3 ภาค หลังจากนั้นไม่มีอะไร และไม่ควรมีอะไรเพิ่มเติมอีก

แล้วทำไมต้องมีเรื่องนี้ในชื่อตอนสงครามโคลน? หลังจาก 96 นาทีที่นั่งดูในเมเจอร์ฯ รอบพิเศษไม่นานมานี้ แง่ มุมหนึ่งที่หนังเองไม่ได้ปิดบังก็คือ ต้องการสร้างตลาดใหม่ด้วยเด็กๆ รุ่นใหม่ เปรียบไปก็เหมือนขาย "พ่อแม่" ได้แล้ว ลองมาขาย "รุ่นลูก" ดูบ้าง

สิ่งที่หนังแสดงตัวว่า แคร์แต่เด็กก็คือ การเล่าเรื่องที่เร็วสุดขีดในแบบการ์ตูนแอ็กชั่น ทิ้งประเด็นต่างๆ ในต้นฉบับไปเยอะ และเน้นความฉับไวในการต่อสู้ เดินเรื่อง เพื่อสอดคล้องกับสมาธิของคนรุ่นเขา ไม่ต้องลงลึก ไม่สนใจเนื้อหา แต่มุ่งไปที่ฉาก

ถ้าจะมีอะไรที่น่าสนใจอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ระหว่าง อนาคิน กับ อาโซกา ดูจะน่าสนใจที่สุด


การมองหาตลาดใหม่ของมหากาพย์คลาสสิกเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดไปถึงการพยายามสร้างแผงค้าขายใหม่ของศิลปะหลายแขนงใน 5 ปีที่ผ่านมา อาทิ ดนตรีแนวใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ "ป๊อป" หรือ "ร็อก" ละครฟอร์มยักษ์แบบไทยๆ ที่ขายคอสตูม การแต่งกายและความสวยงามของฉาก หนังสือท่องเที่ยวไปตามเมืองต่างๆ ของแผงวรรณกรรม ภาพกราฟฟิกนักฟุตบอลของทีมบอลดังๆ (อย่างน้อยก็แมนยูฯ แหละ)

ถ้ามองมุมนี้ เป็นความชอบธรรมที่ Star Wars อยากจะสร้างตลาดใหม่ ทีนี้จะพูดกับเขาอย่างไรล่ะ การใช้ "แอนิเมชั่น" จึงเป็น "การพูด" ในภาษาของพวกเขา ที่น่าจะสะดวกปากที่สุด

คนที่โตแล้วไม่รู้จะเห็นอะไรเพิ่มไหม แต่สำหรับผม ดูจบแล้วก็เฉยๆ (มาก) เนื่องเพราะนี่คือหนังสำหรับเด็กเล็ก เหมือนเคยไปดูโอลิมปิก พอมานั่งดูกีฬาเขต ก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรนัก

สิ่งที่ผมรู้สึกมากกว่า สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าในหลายๆ ครั้งก็คือ บริบทหรือเรื่องเอฟเฟกท์ของหนัง ถ้าโปรเจกท์นี้ได้เงิน สตาร์ วอร์ส จะขายอะไรต่อ


ไม่ว่าการขายนั้น จะขายตรงหรือขายอ้อมก็ตาม



"What's Your Comment?!?"