วันจันทร์, พฤศจิกายน ๑๗, ๒๕๕๑

Star Wars: The Clone Wars ( 2008 )

You can true size by click on picture.

Star Wars: The Clone Wars ( 2008 )

ชื่อไทย: สตาร์ วอร์ส สงครามโคลน
ผู้กำกับ: เดฟ ฟิลอนี่ (กำกับ การแสดง)

ผู้แต่ง: เฮนรี่ กิลรอย, จอร์จ ลูคัส

วันเข้าฉาย: 02/10/2008

ประเภท: Action, Animation, Sci-Fi

ความยาว: 98 นาที

เรท: เรท PG


คงมีแฟนหนังไซไฟไม่มากนัก ที่ชอบหนังแนวนี้แล้วไม่ชอบงานมหากาพย์อย่าง Star Wars เราคงไม่ต้องสาธยายแล้วว่า หนังเรื่องนี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ในทางหนึ่งมีคนชมมากมาย แต่ในมุมหนึ่ง ก็ถูกคนด่าเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นี่คือหนังเรื่องแรกๆ ของโลกที่สร้างความสำเร็จทางการตลาดแบบ "มหาศาล" ขยายสินค้าขายตรงขายอ้อมกันไม่จบสิ้น เพราะมีความนิยมของคนดูรุ่นต่อรุ่นรองรับอยู่ ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะ "การขายต่อ" ของหนังที่โด่งดัง เป็นเรื่องปกติของการตลาดยุคใหม่ที่มีมานานแล้ว


พอไม่รู้สึกอะไร ก็ไม่รู้สึกกับ Star Wars : The Clone Wars หรือ "สงครามโคลน" ที่เข้าฉายในสุดสัปดาห์นี้ ผมคิดว่า Star Wars จบไปแล้วใน 3 ภาค หลังจากนั้นไม่มีอะไร และไม่ควรมีอะไรเพิ่มเติมอีก

แล้วทำไมต้องมีเรื่องนี้ในชื่อตอนสงครามโคลน? หลังจาก 96 นาทีที่นั่งดูในเมเจอร์ฯ รอบพิเศษไม่นานมานี้ แง่ มุมหนึ่งที่หนังเองไม่ได้ปิดบังก็คือ ต้องการสร้างตลาดใหม่ด้วยเด็กๆ รุ่นใหม่ เปรียบไปก็เหมือนขาย "พ่อแม่" ได้แล้ว ลองมาขาย "รุ่นลูก" ดูบ้าง

สิ่งที่หนังแสดงตัวว่า แคร์แต่เด็กก็คือ การเล่าเรื่องที่เร็วสุดขีดในแบบการ์ตูนแอ็กชั่น ทิ้งประเด็นต่างๆ ในต้นฉบับไปเยอะ และเน้นความฉับไวในการต่อสู้ เดินเรื่อง เพื่อสอดคล้องกับสมาธิของคนรุ่นเขา ไม่ต้องลงลึก ไม่สนใจเนื้อหา แต่มุ่งไปที่ฉาก

ถ้าจะมีอะไรที่น่าสนใจอยู่บ้าง ความสัมพันธ์ระหว่าง อนาคิน กับ อาโซกา ดูจะน่าสนใจที่สุด


การมองหาตลาดใหม่ของมหากาพย์คลาสสิกเรื่องนี้ ทำให้ผมคิดไปถึงการพยายามสร้างแผงค้าขายใหม่ของศิลปะหลายแขนงใน 5 ปีที่ผ่านมา อาทิ ดนตรีแนวใหม่ๆ ที่ไม่ใช่ "ป๊อป" หรือ "ร็อก" ละครฟอร์มยักษ์แบบไทยๆ ที่ขายคอสตูม การแต่งกายและความสวยงามของฉาก หนังสือท่องเที่ยวไปตามเมืองต่างๆ ของแผงวรรณกรรม ภาพกราฟฟิกนักฟุตบอลของทีมบอลดังๆ (อย่างน้อยก็แมนยูฯ แหละ)

ถ้ามองมุมนี้ เป็นความชอบธรรมที่ Star Wars อยากจะสร้างตลาดใหม่ ทีนี้จะพูดกับเขาอย่างไรล่ะ การใช้ "แอนิเมชั่น" จึงเป็น "การพูด" ในภาษาของพวกเขา ที่น่าจะสะดวกปากที่สุด

คนที่โตแล้วไม่รู้จะเห็นอะไรเพิ่มไหม แต่สำหรับผม ดูจบแล้วก็เฉยๆ (มาก) เนื่องเพราะนี่คือหนังสำหรับเด็กเล็ก เหมือนเคยไปดูโอลิมปิก พอมานั่งดูกีฬาเขต ก็อาจจะไม่รู้สึกอะไรนัก

สิ่งที่ผมรู้สึกมากกว่า สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าในหลายๆ ครั้งก็คือ บริบทหรือเรื่องเอฟเฟกท์ของหนัง ถ้าโปรเจกท์นี้ได้เงิน สตาร์ วอร์ส จะขายอะไรต่อ


ไม่ว่าการขายนั้น จะขายตรงหรือขายอ้อมก็ตาม



"What's Your Comment?!?"

๓ ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ๑๘/๑๑/๕๑ ๒๓:๒๒

    ูู^^ หนังหรือว่าเกมส์กันนิ - - แลดูคล้ายเกมส์

    ตอบลบ
  2. ดู Wall-E แล้ว ไม่อยากดูเรื่องอื่นๆ เลย ความรู้สึกมันพีคแล้วตอนนี้ ไม่อยากเสียใจ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ๒๐/๑๑/๕๑ ๒๑:๔๘

    ผมเป็นแฟนสตาร์วอร์สเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเดินทางผิดไปหน่อยนะครับ

    ตอบลบ