LG LCD TV
42LD650
TruMotion 240Hz - เทคโนโลยี 240Hz/200Hzให้ภาพลื่นไหลและช่วยขจัดภาพเบลอ
Picture Wizard - ฟังค์ชันพิเศษที่ช่วยในการปรับภาพให้เหมาะกับสภาพห้อง
Intelligent Sensor – เซนเซอร์อัจฉริยะปรับภาพให้เหมาะกับสภาพห้อง
NetCast – เข้าอินเตอร์เน็ทชมเวปไซด์สุดฮิต 3 เวปไซด์ YouTube, Picasa, AccuWeather
Wireless AV Link – เชื่อมต่อสัญญาณเข้าทีวีด้วยกล่องพิเศษผ่านระบบ Wireless ลืมไปเลยกับสายสัญญาณที่น่ารำคาญ
Smart Energy Saving Plus – ช่วยประหยัดไฟสูงสุดถึง 76%
Brand LG
Model 42LD650
Resolution Full HD 1920 x 1080p
Contrast 80,000 : 1
Response Time 2.2 ms
HDMI Side (1) Back (2)
Refresh rate TruMotion 240Hz
Internet NetCast (Accu Weather/YouTube/Picasa)
Picture sensor Intelligent sensor
Sound system Infinite Surround
ด้านการออกแบบ
เรามาดู “ดีไซด์” ของ LG LD650 กัน ดีกว่าครับ กรอบด้านหน้าสีดำเงา Glossy Black ด้านหน้าสีดำด้าน หน้าจอเป็นแบบหน้าจอแข็ง S-IPS Panel หน้าจอด้านไม่สะท้อนสามารถตั้งในห้องดีมีแสงสว่างเข้าถึงได้เป็นอย่างดี มีขลิบสีแดงด้านข้างรอบขอบ มีไฟสแตนด์บายบอกการทำงานอยู่ตรงมุมขวาล่าง แปลกกว่ารุ่นก่อนของ LG ว่าแล้วเรามาดูดีไซด์รอบด้านของ 42LD650 ตัวนี้กันทุกเลย
ด้านภาพ
มาต่อกันที่จุดเด่นด้านภาพของ 42LD650 หน้าจอ Full HD 1920x1080 ใช้ชิพประมวลผลตัวใหม่ Dual XD Engine โดยเจ้า LD650 นี้ทาง LG มี Dynamic Contrast อยู่ที่ 80,000 : 1 (ไม่เคลมเว่อเหมือนปีที่แล้ว ค่าคอนทราสในตลาดต้องนี้ลูฟี่ว่าใช้วัดอะไรไม่ได้เลย) และ Response Time 2.2 ms ของตัวเครื่อง
โดยรวมโหมดมาตรฐานก็มีให้เลือกครบ ถ้าเป็นมือใหม่ก็ลองใช้โหมด Standard ไปก่อน แต่ถ้ารู้สึกว่ามันไม่เข้าท้าก็ลองใช้ปุ่ม AV Mode (เป็นการเปลี่ยนโหมดมาตรฐานต่างๆไปมา) บนรีโมทเปลี่ยนไปมาดูครับ ถ้ายังไม่สะใจก็มาปรับภาพ โดยใช้แผ่นบลูเรย์ DVE ตามแบบฉบับ LCDTVTHAILAND และแล้วก็ไปดูตัวเลขต่างๆ ที่ได้ออกมาเลยครับ
สัดส่วนของภาพ Aspect Ratio
LG ให้มาอย่างครบถ้วนครับ 16:9 / Just Scan / Original / 4:3 / 14:9 Zoom / Cinema Zoom1 และเป็นสูตรเดียวกับนายโรมันที่ต้องเซ็ตไว้ที่ Just Scan “เพราะว่าทีวีจะเก็บรายละเอียดทุกเม็ดพิกเซลครบหมด ไม่มี Crop นิดหน่อยแบบ 16:9 แต่อย่างใด” ถ้าดูหนังแผ่นต่างๆ แนะนำให้ปรับสัดส่วนภาพเป็น Cinema Zoom1 เพราะจะทำให้ขอบดำด้านบนและล่างลดลงค่อนข้างเยอะ โดยพื้นที่ซ้ายและขวาจะหายไปเพียงเล็กน้อย
ทดสอบกับเคลื่อนเล่น Blu-ray
Avatar Blu-ray Disc: แผ่นนี้พึ่งได้มาสดๆร้อนๆ ก็เอาลองเปิดภาพจาก 42LD650 กันเลยซึ่งภาพที่ปรากฎ ออกมาถือว่าไม่ผิดหวัง การให้สีสันดีมากสีสดดีและการให้รายละเอียดของภาพดี
ทดสอบกับ HD MEDIA PLAYER ของ DVICO
ก่อนอื่นขอทดสอบ “ความดำ” กันก่อนว่า LCD TV 2010 จะให้สีดำดีขนาดไหน โดยใช้ฉากยอดฮิตอีกครั้งกับ “พระจันทร์ในความมืด” ของ Pioneer ความดำออกมาดำดีแต่มี “Backlight รั่ว” ที่ขอบตามแบบฉบับของ LCD TV ครับเนื่องจากไม่สามารถปิดหลอดไฟทั้งหมดได้ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นภาพลูฟี่มีโอกาสได้ไปเดินงาน Powerbuy SuperSales จึงได้ไปเช็คความดำเปรียบเทียบระหว่าง LD650 VS LH50 ซึ่งปรากฎว่าความดำของ LD650 ดีกว่าชัดเจนครับ
ทดสอบกับฟรีทีวีและ TrueVision
ก่อนอื่นลองต่อ 42LD650 เข้ากับฟรีทีวีผ่านสายอากาศธรรมดาก่อนเลยเพราะเชื่อว่ามีผู้อ่านจำนวนไม่ น้อยที่ไม่ได้ติด TrueVision (หรือคู่แข่งอย่าง DreamBox) ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าไม่ขี้ริ้วขี้เร่เลย สำหรับดูรายการต่างๆหรือละครน้ำเน่าหลังข่าว แต่ที่ผมไม่ชอบเลยก็ตอนเปิดไปดูฟุตบอลครับเวลาภาพมุมกว้างนักฟุตบอลจะตัว เล็กและขอบมันจะหนาๆเหลืองดูไม่ออกว่าเป็นใครครับ (ขอแก้ตัวแทนนิดนึงว่าเป็นทุกแบรนด์ครับโดยเฉพาะเจ้าทีวีขนาดหยายๆๆ) แล้วผมเปลี่ยนมาต่อผ่านสาย AV เข้ากับ TrueVision บ้างภาพที่ได้ดูดีขึ้นมาเลย...สรุปผมให้ความชัดของเจ้า 42LD650 สำหรับดูฟรีทีวีและ TrueVision อยู่ระดับปานกลางครับ
ทดสอบต่อคอมพิวเตอร์
โดยผมนำโน๊ตบุ๊คต่อผ่านสาย RGB เข้ากับ 42LD650 เพื่อเข้าดูเว็บ LCDTVTHAILAND ซึ่งสามารถปรับภาพได้ความละเอียดสูงสุดที่ 1920 x 1080 และผมปรับ Aspect Ratio เป็น Just Scan จะได้ภาพที่เต็มจอพอดิบพอดี (สามารถปรับปุ่ม Ratio ที่รีโมทได้เลย) จากนั้นลองเปลี่ยนมาเป็นสาย HDMI เพื่อดูหนัง Full HD ตัวอย่างที่โหลดมาจาก internet ภาพที่ได้ออกมาดีเหมือนต่อจากเครื่องเล่น HD Media Player
ด้านเสียง
อีกหนึ่งฟังก์ชันที่อยากแนะนำก็คือ ฟังก์ชั่น “Clear Voice II” ซึ่งช่วยเพิ่มเสียงที่มีความถี่สูงให้สูงขึ้น จึงทำให้เสียงสนทนาชัดขึ้น โดยฟังก์ชั่น Clear Voice II มีให้ปรับเสียงทั้งหมด 13 ระดับตั้ง -6 ถึง 0 ถึง +6 พูดง่ายๆถ้าอยากได้ยินเสียงคนพูดชัดขึ้นไม่ว่าจะเป็น “ข่าว” หรือ “หนัง” ก็ปรับ Clear Voice ให้เป็น +6 ก็จบ
ผมได้ลองทดสอบ เปิดเพลง I will alway love you ของ Charice เสียงที่ออกมาจะออกแหลม และ เสียง Base จะแห้งๆ ออกโทนตุ๊มตุม ซึ่งเราต้องแก้ไขโดยการปรับ Base เพิ่มเอาเองโดยผมปรับจาก 50 เป็น 100 เสียง Base ออกมาสะใจเลยครับ และอีกจุดหนึ่งสำหรับเพียงที่เน้นเสียงร้องให้เปิด "Clear Voice : On" (+1 ถึง +2) จะให้แหล่ม!!! เหมาะกับการฟัง (ถ้าปิด Clear Voice เสียงออกอู่ๆ หน่อยครับ)
ส่วนพิเศษ
2. โหมดประหยัดพลังงาน: Smart Energy Saving Super ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานได้สูงสุด 76% (ตามคำโฆษณาของ LG) โดยปุ่ม Smart Energy Saving จะมีสีเขียวอยู่บนรีโมทซึ่งสามารถปรับได้ 5 Mode คือ Off / Minimum / Medium / Maximum / Screen off / Auto สำหรับ Screen off จะเป็นโหมดที่ปิดหน้าจอภาพเหลือไว้เพียงแค่เสียงเท่านั้น เหมาะสำหรับฟังข่าวหรือฟังเพลงโดยไม่ได้ต้องการดูภาพ ส่วน Auto จะเป็นฟังก์ชันที่เชื่อมโย่งกับ Intelligent Sensor โดยปรับ Backlight ตามความสว่างของห้อง
3. เกมส์ โดยทีวี LG ปี 2010 เพื่อเกมส์เข้ามาเพื่อความสนุกแก้เครียด ตัวเกมส์จะไม่สลับซับซ้อน เป็นอะไรที่ง่ายๆ มีทั้งหมด 7 เกมส์ ตั้งแต่ เกมส์กระโดดเชือก, เกมส์ตี Golf, เกมส์ความจำ, เกมส์ Sudoku, เกมส์ทำแฮมเบอร์เกอร์ เป็นต้น
4. เมนู 12 ภาษา: เปิดเครื่องมาก็มีภาษามาให้เลือกเลย มีมากถึง 12 ภาษา อ่านออกบ้างไม่ออกบ้าง
ชุดสุดคุ้มชุดนี้ให้มาครบถ้วน
คุ้มที่ 1: สำหรับจอ 42” ให้ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง
คุ้มที่ 2: ภาพเคลื่อนไหวระดับเทพ TruMotion 240Hz
คุ้มที่ 3: ช่องต่อ USB 2.0 ระดับเทพ เล่นไฟล์ Hidef สุดฮิตอย่าง MKV และ tp รวมทั้งรูปภาพ และเพลง
คุ้มที่ 4: NetCast ใส่ช่องต่อ internet มาด้วย วิดีโอคลิป, รูปภาพ และ พยากรณ์อากาศ
ข้อเสีย
1. เรื่องความดำครับ...ถ้าเทียบกับ LCD TV ด้วยกันถือว่าเยี่ยม แต่พอผมเหลือบไปเห็น Full LED TV ทีไรมันดำดีจริงๆ
2. เรื่องการอ่าน SubTitle ที่ยังไม่สามารถอ่านได้เวลาต่อผ่านช่องต่อ USB
สรุป
สำหรับ LG 42LD650 ที่ผมได้ทำการรีวิวครั้งนี้ ผมขอฟันธงว่าเป็นรุ่นสุดคุ้มจริง ทั้งราคาและฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ให้มามากมาย ไม่ว่าจะเป็น TruMotion 240Hz ซึ่งในราคาระดับเดียวกันไม่มีแบรนด์ไหนกล้าที่จะใส่มา NetCast ที่ สามารถเชื่อมต่อ Internet ได้ และส่วนตัวที่ชอบมากคือ USB ที่สามารถเล่นไฟล์ Hidef ได้แม้อาจจะยังเล่นไฟล์ได้ไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม สุดท้าย 42LD650 เป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับบอลโลกครั้งนี้ทีเดียงครับ...ฟัน ธง!!!